1. กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง ห้ามคัดลอก/เผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูล 2. กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้ทำการคัดลอกมาจากของบุคคลอื่นๆ ผู้ลงข้อมูลต้องขออนุญาต และอ้างอิงอย่างเหมาะสม 3. ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ เป็นการส่งข้อความโดยผู้ใช้ หากพบเห็นข้อความหรือรูปภาพที่ไม่เหมาะสม, ละเมิดลิขสิทธิ์ โปรดแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการโดยเร็ว
แรงกดตั้ง ฉากกับ ผิว สัม ผัส ถ้าแรงกดตัวฉากกับผิวสัมผัส มากจะเกิดแรงเสียดทานมาก ถ้าแรงกดตั้งฉากกับผิวสัมผัสน้อยจะ เกิดแรงเสียดทานน้อย ดังรูป รูป ก แรงเสีย ดทานน้อ ย รูป ข แรงเสีย ดทานมาก 2. ลัก ษณะของผิว สัม ผัส ถ้าผิวสัมผัสหยาบ ขรุขระจะเกิดแรง เสียดทานมาก ดังรูป ก ส่วนผิวสัมผัสเรียบลื่นจะเกิดแรงเสียดทาน น้อยดังรูป ข รูป ก แรงเสีย ดทานมาก รูป ข แรงเสีย ดทานน้อ ย 3. ชนิด ของผิว สัม ผัส เช่น คอนกรีตกับเหล็ก เหล็กกับไม้ จะ เห็นว่าผิวสัมผัสแต่ละคู่ มีความหยาบ ขรุขระ หรือเรียบลื่น เป็นมัน แตกต่างกัน ทำาให้เกิดแรงเสียดทานไม่เท่ากัน การลดแรงเสีย ดทาน การลดแรงเสียดทานสามารถทำาได้หลายวิธีดังนี้ 1. การใช้นำ้ามันหล่อลื่นหรือจาระบี 6. 2. การใช้ระบบลูกปืน 3. การใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตลับลูกปืน 4. การออกแบบรูปร่างของยานพาหนะให้เพรียวลมทำาให้ลดแรง การเพิ่ม แรงเสีย ดทาน การเพิ่มแรงเสียดทานในด้านความปลอดภัยของมนุษย์ เช่น 1. ยางรถยนต์มีดอกยางเป็นลวดลาย มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มแรง เสียดทานระหว่างล้อกับถนน ดังรูป รูป แสดงยางรถยนต์ท ี่ม ีล วดลาย 2. การหยุดรถต้องเพิ่มแรงเสียดทานที่เบรก เพื่อหยุดหรือทำาให้รถ แล่นช้าลง 3.
แรงเสียดทานหมายถึง แรงต้านการเคลื่อนที่ ของวัตถุ ที่ เกิดขึ้ นระหว่างผิวที่สัมผัสกัน เช่น เมื่อออกแรงกระทำกับวัตถุเพื่อให้ วัตถุเคลื่อนที่ จะมีแรงชนิดหนึ่งคอยต้านไว้ไม่ให้ วัตถุ เคลื่อนที่ แรงที่ต้านนี้ เรียกว่าแรงเสียดทาน จากรูป เมื่อออกแรงดึง F จะมีแรงเสียดทาน fs เกิดขึ้นเสมอ และแรงทั้งสองจะมีขนาดเท่ากันและมีทิศตรง ข้ามกัน ชนิดของแรงเสียดทาน แรงเสียดทาน แบ่งได้ เป็น 2 ชนิดดังนี้ 1. แรงเสียดทานสถิต หมายถึงแรงเสียดทานที่ เกิดขึ้นเมื่อมีแรงภายนอกมากระทําต่อวัตถุ แต่ วัตถุยังไม่เคลื่อนที่ (แรงเสียดทานสถิตมีได้หลายค่า เริ่มตั้งแต่มีค่าเป็นศูนย์ถึงค่าสูงที่สุด ซึ่ง ค่าสูงสุดนี้ จะวัดได้ก็ต่อเมื่อวัตถุเริ่มจะเคลื่อนที่) 2. แรงเสียดทานจลน์ หมายถึงแรงเสียดทานที่ เกิดขึ้นขณะที่วัตถุ กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว สัมประสิทธิ์ ความเสียดทาน สัมประสิทธิ์ ความเสียดทานหมายถึง อัตราส่วนระหว่างแรงฉุดต่อน้ำหนักที่กด เมื่อกําหนดให้ µ เป็นสัมประสิทธิ์ ความเสียดทาน F เป็นแรงฉุด (N) W เป็นน้ำหนักวัตถุ (N) จะได้ ตัวอย่าง กล่องใบหนึ่งมวล 1 กิโลกรัม วางอยู่บนพื้นที่มีความฝืดที่มีสัมประสิทธิ์ความเสียดทาน เท่ากับ 0.
ลักษณะของผิวสัมผัส ถ้าผิวสัมผัสหยาบ ขรุขระจะเกิดแรงเสียดทานมาก ดังรูป ก ส่วนผิวสัมผัสเรียบลื่นจะเกิดแรงเสียดทานน้อยดังรูป ข รูป ข แรงเสียดทานมาก รูป ข แรงเสียดทานน้อย 3. ชนิดของผิวสัมผัส เช่น คอนกรีตกับเหล็ก เหล็กกับไม้ จะเห็นว่าผิวสัมผัสแต่ละคู่ มีความหยาบ ขรุขระ หรือเรียบลื่น เป็นมันแตกต่างกัน ทำให้เกิดแรงเสียดทานไม่เท่ากัน การลดแรงเสียดทาน การลดแรงเสียดทานสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้ 1. การใช้น้ำมันหล่อลื่นหรือจาระบี 2. การใช้ระบบลูกปืน 3. การใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตลับลูกปืน 4. การออกแบบรูปร่างของยานพาหนะให้เพรียวลมทำให้ลดแรงเสียดทาน การเพิ่มแรงเสียดทาน การเพิ่มแรงเสียดทานในด้านความปลอดภัยของมนุษย์ เช่น 1. ยางรถยนต์มีดอกยางเป็นลวดลาย มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างล้อกับถนน ดังรูป รูปแสดงยางรถยนต์ที่มีลวดลาย 2. การหยุดรถต้องเพิ่มแรงเสียดทานที่เบรก เพื่อหยุดหรือทำให้รถแล่นช้าลง 3. รองเท้าบริเวณพื้นต้องมีลวดลาย เพื่อเพิ่มแรงเสียดทานทำให้เวลาเดินไม่ลื่นหกล้มได้ง่าย ดังรูป รูปแสดงพื้นรองเท้าที่มีลวดลาย 4. การปูพื้นห้องน้ำควรใช้กระเบื้องที่มีผิวขรุขระ เพื่อช่วยเพิ่มแรงเสียดทาน เวลาเปียกน้ำจะได้ไม่ลื่นล้ม ดังรูป รูปแสดงการปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง สมบัติของแรงเสียดทาน 1.
500)(2400kg)(9. 81m/sec²) = 11. 772kN ตอบ 13. หามุมของแรงเสียดทาน เนื่องจาก ϴ = tan¯¹ μ = tan¯¹ 0. 500 = 26. 57° ตอบ 14. ตัวอย่างที่ 5. 2 จงคานวณหาแรงเสียดทาน ในการที่จะออกแรงดึงแทงโลหะมวล100kg ไปบน แผ่นกระดานไม้ วิธีทา จากตารางที่7. 1 อ่านค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานได้μ=0. 400 หาค่าแรงเสียดทาน เนื่องจาก f = μ·m·g = (0. 400)(100kg)(9. 81m/sec²) =392. 4 N ตอบ 15. ตัวอย่างที่ 5. 3 จงคานวณหามวลของโลหะ ที่วางอยู่บนผืนหนัง โดยมีแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นเมื่อ กาลังจะเริ่มเคลื่อนมวลนี้100 N วิธีทา จากตารางที่ 7. 1 อ่านค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานได้µ=0. 450 ฉะนั้น มวลโลหะ m= f µ·g = 100 N (0. 450)(9. 81 m/sec²) = 22. 65 kg ตอบ 16. 7. 2 สัมประสิทธิ์ความเสียดทานในแนวเอียง รูปที่ 7. 4 การหาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานในแนวอียง จากรูปที่ 7. 4 วัตถุมวล m วางอยู่บนพื้นเอียงมุมกับแนวระดับ Ө มีแรงเสียดทาน f ต้านทาน การเคลื่อนไถลงจากพื้นเอียง แรงที่ทาให้มอง M เคลื่อนที่ลงจากพื้นเอียง มีค่าเท่ากับ mg sin Ө 17. เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ แสดงว่าแรงเสียดทานสูงสุดเกิดขึ้นเท่ากับแรงที่ทาให้มวลเคลื่อนที่ลงจากพื้น เอียง ดังนั้น F = mg sin Ө ……….
ระยะรัศมีความโค้งด้านใน (Inside Radius)น้อยที่สุด เท่ากับหรือมากกว่า 2. 2 เท่า ของระยะหน้ากว้างสายพาน (แนะนำให้ใช้ระยะ 2. 5 เท่าของหน้ากว้างสายพานขึ้นไป) 3. )
1. ทำาให้วัตถุหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่ เช่น ช่วยหยุดรถยนต์ที่ กำาลังเคลื่อนที่ ยางรถที่มีดอกยางช่วยให้รถ เกาะถนนได้ดี เป็นต้น 2. การสร้างพื้นถนนต้องทำาให้พื้นถรรเกิดแรงเสียดทานพอ สมควร รถจึงจะเคลื่อนที่บนถนนโดยที่ล้อรถ ไม่หมุนอยู่กับที่ ได้ 3. ช่วยในการหยิบจับสิ่งของโดยไม่ลื่นไหลไปมา 4. ช่วยในการเดินไม่ให้ลื่นไหล ………………………………………………………………… …………………………………… 9. ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………….. 4. จงบอกประโยชน์และโทษของแรงเสียดทาน............................................................................................................................................................. 5. ขณะที่คนเดิน หรือคนขี่รถจักรยาน แรงใดที่ทำาให้คนและรถ เคลื่อนที่ ไปข้างหน้า............................................................................................................................................................. 6. ถ้าคนขี่จักรยานบนถนนก่อนฝนตก และภายหลังฝนตก ใน กรณีใดรถจักรยานพุ่งไปข้างหน้าได้ดีกว่า............................................................................................................................................................. 7.
เพื่ออธิบายถึงกรณีดังกล่าว จึงขออ้างอิงถึงสูตรการคำนวณประสิทธิภาพของการเบรกดังนี้ ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน คือ ดัชนีวัด่าความเสียดทานของวัตถุชิ้นนั้น ๆ ซึ่งในผ้าเบรกแต่ละเกรดจะมีค่าไม่เท่ากัน (เรียกง่าย ๆ ว่าความฝืดของผ้าเบรก) เช่นผ้าเบรก เจเนอรัล ซีที (General CT) มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเป็น FF มีค่าเท่ากับ 0. 35 ไม่เกิน 0. 45 ขณะที่ผ้าเบรกอัลติเมท (Ultimate) จะมี ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเป็น GF มีค่าเท่ากับ 0. 45 แต่ไม่เกิน 0.
ลักษณะของผิวสัมผัส ถ้าผิวสัมผัสหยาบ ขรุขระจะเกิดแรงเสียดทานมาก ดังรูป ก ส่วนผิวสัมผัสเรียบลื่นจะเกิดแรงเสียดทานน้อยดังรูป ข รูป ก แรงเสียดทานมาก รูป ข แรงเสียดทานน้อย 3. ชนิดของผิวสัมผัส เช่น คอนกรีตกับเหล็ก เหล็กกับไม้ จะเห็นว่าผิวสัมผัสแต่ละคู่ มีความหยาบ ขรุขระ หรือเรียบลื่น เป็นมันแตกต่างกัน ทำให้เกิดแรงเสียดทานไม่เท่ากัน การลดแรงเสียดทาน การลดแรงเสียดทานสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้ 1. การใช้น้ำมันหล่อลื่นหรือจาระบี 2. การใช้ระบบลูกปืน 3. การใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตลับลูกปืน 4. การออกแบบรูปร่างของยานพาหนะให้เพรียวลมทำให้ลดแรงเสียดทาน รูปแสดงรูปร่างของเรือที่เพียวลมเพื่อลดแรงเสียดทาน การเพิ่มแรงเสียดทาน การเพิ่มแรงเสียดทานในด้านความปลอดภัยของมนุษย์ เช่น 1. ยางรถยนต์มีดอกยางเป็นลวดลาย มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างล้อกับถนน ดังรูป รูปแสดงยางรถยนต์ที่มีลวดลาย 2. การหยุดรถต้องเพิ่มแรงเสียดทานที่เบรก เพื่อหยุดหรือทำให้รถแล่นช้าลง 3. รองเท้าบริเวณพื้นต้องมีลวดลาย เพื่อเพิ่มแรงเสียดทานทำให้เวลาเดินไม่ลื่นหกล้มได้ง่าย ดังรูป รูปแสดงพื้นรองเท้าที่มีลวดลาย 4. การปูพื้นห้องน้ำควรใช้กระเบื้องที่มีผิวขรุขระ เพื่อช่วยเพิ่มแรงเสียดทาน เวลาเปียกน้ำจะได้ไม่ลื่นล้ม ดังรูป รูปแสดงการปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง สมบัติของแรงเสียดทาน 1.
แรงเสียดทานนั้นไม่ขึ้นกับจำนวนพื้นที่ผิวสัมผัส 2. แรงเสียดทานนั้นไม่ขึ้นกับความเร็วที่วัตถุเคลื่อนที่ และยังมีทิศตรงข้ามการเคลื่อนที่ของวัตถุ 3. แรงเสียดทานขึ้นอยู่กับแรงที่วัตถุกดพื้นในแนวที่ตั้งฉากหรือแรงปฏิกิริยาของพื้นในแนวที่ตั้งฉาก 4.