นอกจากการแปรงฟันและขัดฟันแล้ว การใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นอีกวิธีที่ช่วยดูแลสุขภาพช่องปากให้ปราศจากแบค จากการอ้างอิงของ RDH นิตยสารโดยผู้เชี่ยวชาญสำหรับสุขอนามัยทางทันตกรรมพบว่า ในช่องปากของคุณอาจมีแบคทีเรียมากกว่า 500 ถึง 650 ชนิด อาศัยอยู่บนลิ้นและตามซอกฟันของคุณ รู้แบบนี้แล้ว ทำให้คุณอยากรีบไปแปรงฟันเลยใช่หรือไม่?
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรง ถ้าการรับประทานอาหารเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นปากก็ควรหันมาระมัดระวังในการรับประทานอาหารมากขึ้น เลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง อาทิ กระเทียม ต้นหอม หรือของหมักดอง เท่านี้กลิ่นปากก็จะไม่มากวนใจแน่นอน
รับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีให้เพียงพอ กลิ่นปากบางครั้งก็มาจากการขาดสารอาหารบางชนิด อย่างเช่น สังกะสี เป็นต้น เพราะสังกะสีนั้นมีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคที่เป็นอันตราย การรับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีอย่าง ฟักทอง โกโก้ และเครื่องในสัตว์ สามารถช่วยเพิ่มสังกะสีในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีความสามารถในการต่อสู้แบคทีเรียมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเรื่องระบบไหลเวียนของเลือดและป้องกันโรคกระดูกพรุนได้อีก ดีหลายทางแบบนี้ก็อย่าพลาดเด็ดขาด 8. เคี้ยวสมุนไพรหรือเครื่องเทศสด ๆ สมุนไพรและเครื่องเทศที่ว่านี้ก็ได้แก่ ใบพาร์สลีย์ โหระพา สะระแหน่ เพราะสมุนไพรเหล่านี้นอกจากจะมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ช่วยให้กลิ่นปากหอมสดชื่นได้แล้ว สารคลอโรฟิลล์ที่มีในสมุนไพรก็ยังช่วยลดกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วยล่ะ ปริมาณในการเคี้ยวก็ไม่ต้องเยอะมาก เพียงแค่กิ่งเล็ก ๆ ก็พอแล้วค่ะ แบบนี้ก็ไม่ต้องพึ่งพาลูกอมแล้วล่ะเนอะ 9. แปรงฟันบ่อย ๆ และหมั่นทำความสะอาดลิ้น เราได้เรียนรู้กันมาตั้งแต่เด็กว่าควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แต่ถ้าต้องการให้ช่องปากสะอาดมากขึ้นก็ควรแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหารสัก 15-30 นาทีจะดีที่สุด และถ้าเป็นไปได้ก็ควรทำความสะอาดลิ้นบ่อย ๆ เพราะคราบฝ้าขาว ๆ บนลิ้นก็เป็นตัวการทำให้เกิดกลิ่นปากได้เหมือนกัน 10.
ให้สังเกตฉลากบนขวดน้ำยาบ้วนปาก ถ้ามีการเขียนกำกับไว้บนฉลากว่า ต้านคราบจุลินทรีย์ ยับยั้งอาการเหงือกอักเสบ ต้านแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ หรือหากมีตราประทับของ ADA สำหรับปกป้องการเกิดคราบหินปูนหรือเหงือกอักเสบ นั่นแสดงว่า คุณกำลังถือขวดน้ำยาบ้วนปากเพื่อการรักษาอยู่ แต่ถ้ามีการแสดงถึงส่วนผสมของสารปรุงแต่งรสหรือกลิ่นบนฉลาก แปลว่าเป็นน้ำยาบ้วนปากเพื่อเสริมความมั่นใจ แน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการสอบถามทันตแพทย์ของคุณ ทันตแพทย์สามารถแนะนำน้ำยาบ้วนปากที่เหมาะสมกับคุณที่สุด เพื่อให้คุณมีรอยยิ้มที่สดใส แข็งแรงปราศจากแบคทีเรียในช่องปาก
10 วิธีแก้ปัญหากลิ่นปาก 1. ดื่มน้ำเยอะ ๆ น้ำลายสามารถช่วยชะล้างสิ่งสกปรกที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปากออกไปได้ก็จริง แต่ถ้าหากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอก็จะทำให้น้ำลายหลั่งออกมาน้อย ส่งผลให้เศษอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในปากบูดเน่าได้ ดังนั้นการดื่มน้ำเยอะ ๆ ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย นอกจากจะช่วยให้ร่างกายสร้างน้ำลายได้มากขึ้นแล้ว ก็ยังเป็นการช่วยชะล้างเศษอาหารในปากออกไปได้อีกด้วย ถ้าไม่อยากมีกลิ่นปากลองใช้วิธีนี้ดูนะ 2. เปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 2-3 เดือน แปรงสีฟันถือเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคที่ดีอย่างหนึ่ง ลองนึกดูสิว่าทุกวันที่เราแปรงฟัน เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากก็จะติดไปอยู่กับแปรงสีฟัน และถ้าเราทำความสะอาดแปรงสีฟันไม่ดี เชื้อเหล่านั้นก็จะยังเจริญเติบโตต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อเราหยิบมาแปรงฟันอีกครั้งเชื้อเหล่านั้นก็จะกลับเข้าไปอยู่ในปากเพิ่มมากขึ้น แค่คิดก็สยองแล้ว ฉะนั้นเปลี่ยนแปรงสีฟันบ่อยหน่อยดีกว่าเนอะ 3. รับประทานผักสด ๆ ให้มากขึ้น การรับประทานผักสด ๆ อย่างแครอต ขึ้นฉ่าย หรือแอปเปิลสด ๆ ไฟเบอร์จากผัก-ผลไม้เหล่านี้จะช่วยให้กลิ่นปากหายไปได้ เพราะวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้จะเข้าไปช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงทำให้ร่างกายสามารถสร้างสารที่จะมาต่อสู้กับแบคทีเรียในร่างกายได้มากขึ้น ส่งผลให้น้ำลายของเรามีประสิทธิภาพในการขจัดเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้ดีขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้การเคี้ยวผักหรือผลไม้ที่สดกรอบก็จะช่วยกำจัดคราบแบคทีเรียในช่องปากออกไปได้อีกด้วย 4.
ดังนั้นการดูแลสุขภาพช่องปากจึงต้องทำแบบบูรณาการ ไม่ใช่แค่ลดจำนวนแบคทีเรียเท่านั้น แต่ต้องเพิ่มและสร้างสมดุลให้กับแบคทีเรียโปรไบโอติกด้วย ซึ่งเทรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากที่มีส่วนผสมของโปรไบโอติกก็กำลังมาแรงมากๆ ในปีนี้นั้นเอง. ด้วยความปรารถนาดี Interpharma Thailand September 12, 2018 / ู้หรือไม่_ในปากมีแบคทีเรียมากถึง-50000-ล้านตัว 366 700 Interpharma Interpharma 2018-09-12 19:20:35 2018-09-20 20:41:32 รู้หรือไม่? ในปากมีแบคทีเรียมากถึง 50, 000 ล้านตัว!