วิศวกรสิ่งแวดล้อม ชาวราศีกุมภ์ชอบการวางแผนเพื่ออนาคต และวิศวกรสิ่งแวดล้อมก็เป็นอาชีพที่ไม่เพียงจะส่งผลกระทบต่อคนรุ่นต่อไปเท่านั้น แต่ยังช่วยเติมเต็มความต้องการของชาวราศีกุมภ์ที่อยากจะสร้างสถานที่ที่ดีกว่านี้ เพื่อคนรุ่นต่อๆ ไปอีกด้วย ตำแหน่งงานนี้ยังช่วยให้พวกเขามีเวลามากพอ ที่จะทำงานตามลำพังเพื่อค้นหาสถานที่ที่ดีที่สุดในการสร้างสวนสาธารณะ และเส้นทางจักรยาน เป็นต้น แต่ยังไงซะ ด้วยความเป็นส่วนหนึ่งของทีม ชาวราศีกุมภ์ก็พร้อมจะรับฟังคำติชมจากเพื่อนๆ และจากชุมชนในท้องถิ่นด้วย อาชีพอื่นๆ ในกลุ่มนี้ ที่เหมาะกับชาวราศีกุมภ์ ได้แก่ Survey Researcher, นักโบราณคดี, และนักภูมิศาสตร์ เป็นต้น 8. นักระดมทุน ชาวราศีกุมภ์ผู้มีอิสรภาพทางการเงิน สามารถเลือกงานตำแหน่งไหนก็ได้ที่พวกเขาต้องการมากพอ แม้จะไม่ค่อยได้เงินตอบแทนสักเท่าไร ในฐานะนักระดมทุน เมื่อได้รับโอกาสแล้ว ชาวราศีกุมภ์จะเต็มที่ในการช่วยระดมทุน ไม่ว่าจะเพื่อศูนย์ชุมชน โรงเรียน และกิจกรรมไม่แสวงหาผลกำไรอื่นๆ เพื่อให้มีเงินมากพอที่จะดำเนินงานได้ ด้วยอุดมการณ์และพลังงานที่เต็มเปี่ยม ชาวราศีกุมภ์จะช่วยให้กิจกรรมนั้นๆ ประสบความสำเร็จได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตกอยู่ในภาวะคับขัน แทบไม่น่าจะไปรอดแล้ว อาชีพอื่นๆ ในกลุ่มนี้ ที่เหมาะกับชาวราศีกุมภ์ ได้แก่ พยาบาล, Aid Worker, Health Advocate, และ Philanthropist เป็นต้น 9.
คุณเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดในโลก เราทุกคนมีความรับผิดชอบในฐานะสมาชิกของสังคมในการช่วยเหลือผู้อื่นและปรับปรุงสภาพของชุมชนและโลกที่เราอาศัยอยู่ คุณสามารถทำได้ทั้งในระดับเล็กและระดับใหญ่ ให้ความสนใจกับผู้คนรอบตัวและพยายามหาวิธีตอบสนองความต้องการของพวกเขา คุณยังสามารถทำสิ่งต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมในระยะยาว เช่น การลงทุนด้านการศึกษา การสนับสนุนการกุศล การบริจาคเลือด และการรักษาสิ่งแวดล้อม วิธีการ 1 ของ 4: การช่วยเหลือผู้คนรอบตัวคุณ 1 ช่วยเหลือผู้คนในชีวิตประจำวันเมื่อมีโอกาส. แม้ว่าพวกเขาอาจไม่น่ามอง แต่การแสดงน้ำใจเล็กๆ ต่อพวกเขาโดยตรงก็เป็นวิธีที่ดีเพื่อทำตัวให้เป็นประโยชน์ในชุมชน เมื่อคุณมองเห็นโอกาสในการเข้าร่วมและช่วยเหลือคนอื่นในชุมชนของคุณก็ให้ทำด้วยรอยยิ้ม เช่น ช่วยคนชราข้ามถนนที่พลุกพล่าน หรือให้เงินแก่คนจรจัด ดียิ่งกว่านั้นคือซื้ออาหารและคุยกับพวกเขาในขณะที่พวกเขากิน หากคุณเห็นใครบางคนที่ลำบากในการเปิดประตูที่หนักหรือถือของหนักๆ ก็ให้ช่วยพวกเขา 2 รับฟังผู้คนในชีวิตประจำวันและแสดงความเห็นอกเห็นใจ. เพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงานของเราคือสมาชิกของสังคมและเราสามารถมีส่วนร่วมได้โดยการให้กำลังใจ หรือหากคุณต้องการพูดเกี่ยวกับประสบการณ์เชิงลบกับคนอื่นก็ให้พวกเขาแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองด้วย เช่น หากเพื่อนร่วมงานเพิ่งสูญเสียคนรักก็ให้พูดว่า "ฉันเสียใจด้วยนะ มันยากที่ต้องเผชิญเรื่องแบบนี้ ถ้าคุณอยากพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันยินดีรับฟังนะ" หรือถ้าเพื่อนกำลังเครียดเรื่องเรียนก็ให้พูดว่า "แย่จัง เสียใจด้วยที่เธอต้องดิ้นรนในเทอมนี้ มาดื่มกาแฟกันเถอะ อยากพูดเกี่ยวกับชั้นเรียนของเธอมั้ย" 3 ให้คำปรึกษาเยาวชนในชุมชนเพื่อสร้างลักษณะนิสัยของพวกเขา.
ให้ขวัญกำลังใจกับผู้ที่ดำรงชีวิตที่ดีงาม เราช่วยได้โดยการยกย่องสรรเสริญผู้ที่ดำรงชีวิตที่ดีงาม คือผู้มีอาชีพสุจริตและมีชีวิตที่ถูกที่ชอบ แต่จะไม่ทำให้คนเหล่านั้นเหลิงจนลืมตัวกลายเป็นคนเย่อหยิ่ง โดยมักเกิดกับผู้มีความเคราพตนเองน้อย หากเราต้องชื่นชมคนที่มีความดีงาม แต่เขาเป็นคนหยิ่งทนง เราก็อาจทำได้โดยการไม่ชมเขาต่อหน้า แต่ชมลับหลัง หรือชมกับผู้อื่นเสีย เราควรสนับสนุนผู้คนให้เขาได้ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แต่หากเขาทำผิดพลาด เราควรชี้แนะตักเตือนเพื่อลดทิฐิมานะที่เกิดขึ้น 10. แนะนำสั่งสอนความประพฤติที่ดีกับคนที่ดำเนินชีวิตที่ผิด หากเราพบคนที่ดำเนินชีวิตที่ผิดไม่ถูกต้อง เราไม่ควรที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพิกเฉยละเลย หรือแม้แต่ประนามเขา แทนที่จะเราจะตัดสินความถูกผิดของคนอื่น เราควรชี้ทางให้แก่เขา ให้เขาเอาชนะการกระทำที่ไม่ถูกต้องหากเขายอมรับที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง 11.
วันนี้ Wongnai Beauty มีแบบทดสอบทายนิสัย แบบทดสอบบุคลิกภาพมาให้เล่นกันอีกแล้ว มีใครรอบ้างเอ่ย ยกมือขึ้น! ครั้งนี้เรามีแบบทดสอบนพลักษณ์มาฝากค่ะ หลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยได้ยินว่านพลักษณ์ คืออะไร?
เมื่อคุณบริจาคให้กับองค์กรการกุศลระดับท้องถิ่นหรือระดับโลก คุณกำลังใช้เงินของคุณเพื่อช่วยพัฒนาสังคมและผู้คนที่อาศัยอยู่ในองค์กรนั้น การบริจาคเพื่อการกุศลยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่นๆ รอบตัวคุณเพราะพวกเขาจะเห็นคุณให้และได้แรงบันดาลใจในการทำเช่นเดียวกัน [5] บริจาคให้กับองค์กรการกุศล เช่น Doctors Without Borders NAACP Native American Rights Fund หรือ Jane Goodall Institute คุณไม่จำเป็นต้องบริจาคแค่เงินเท่านั้น องค์กรการกุศลหลายแห่งจะรับบริจาคยานพาหนะหรือเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว สอนทักษะที่เป็นประโยชน์ให้คนในชุมชนเพื่อประโยชน์ของพวกเขา.
หากคุณอาศัยอยู่ในสังคมประชาธิปไตย การลงคะแนนเสียงเป็นส่วนสำคัญในการมีส่วนร่วมทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ค้นคว้าประเด็นการลงคะแนนและผู้สมัครล่วงหน้า และลงคะแนนให้กับบุคคลและนโยบายที่คุณคิดว่าจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อสังคมมากที่สุดเพื่อเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีความรับผิดชอบ เช่น ค้นคว้าและลงคะแนนในประเด็นท้องถิ่นที่มักถูกมองข้าม เช่น การจัดเก็บภาษี การจัดการเมือง และกฎหมายของจังหวัด หางานในชุมชนที่คุณรู้สึกว่ามีความหมายสำหรับคุณ. การทำงานเป็นวิธีที่ดีในการช่วยเหลือสังคมไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม [3] หากคุณต้องการให้งานของคุณเป็นประโยชน์ต่อชุมชนโดยตรง คุณสามารถมองหางานที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือคนในท้องถิ่นหรือโครงสร้างพื้นฐาน เช่น คุณสามารถทำงานเป็นนักดับเพลิงหรือคนงานก่อสร้าง ทำงานที่ศูนย์ควบคุมสัตว์ หรือเป็นข้าราชการ หากคุณมีงานทำอยู่แล้วก็ให้มองหาวิธีที่คุณสามารถช่วยเหลือชุมชนผ่านสถานที่ทำงานของคุณ เช่น โอกาสในการเป็นอาสาสมัครหรือการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ [4] ชำระภาษีของคุณเต็มจำนวนและตรงเวลาหากทำได้. หากคุณมีงานทำ การจ่ายภาษีเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบต่อสังคม รัฐบาลท้องถิ่นรัฐและระดับชาติใช้เงินภาษีเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ คุณสามารถยื่นภาษีของคุณผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ต่างๆ บริษัทบัญชีจำนวนมากให้ความช่วยเหลือในการยื่นภาษีและบางแห่งสามารถช่วยยื่นภาษีให้คุณโดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากคุณไม่สามารถจ่ายภาษีได้ก็ให้ปรึกษานักบัญชีและดูว่าพวกเขามีคำแนะนำเกี่ยวกับการเลื่อนการชำระภาษีหรือไม่ วิธีการ 3 ของ 4: การพัฒนาสังคมโดยรวม สนับสนุนองค์กรการกุศลด้วยการบริจาคเงินหากคุณมีกำลังทรัพย์.
วันนี้พี่ ๆ อินฟลูเอนเซอร์มีตัวอย่างอาชีพี่เป็นแรงบันดาลใจให้น้อง ๆ กัน 6 อาชีพ 1. นักกฎหมาย (Lawyer) เป็นคนที่คอยช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในด้านนโยบายการย้ายที่อยู่ การย้ายประเทศ การหาเลี้ยงตัวเองอย่างถูกกฎหมาย และกฎหมายอื่น ๆ ให้ผู้ลี้ภัยมีสิทธิ์ในฐานะประชากรโลกคนหนึ่ง 2. แพทย์ (Doctor) เป็นคนที่คอยช่วยดูแลสุขภาพให้ผู้ลี้ภัย เพราะผู้ลี้ภัยก็ต้องการการรักษาพยาบาลเช่นกัน 3. ล่ามแปลภาษา (Translator) เป็นคนสำคัญในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ที่จะถ่ายทอดเรื่องราวสำคัญให้คนอื่น ๆ ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยได้ 4. นักจิตวิทยา (Psychologist) เป็นคนที่คอยดูแล เยียวยาจิตใจของผู้ลี้ภัยที่เพิ่งเจอเรื่องราวที่ทำให้เขาบอบช้ำมา และยังเป็นคนที่ช่วยให้ผู้ลี้ภัยปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของที่อยู่ใหม่ได้ด้วยนะ 5. นักสังคมสงเคราะห์ (Social Worker) เป็นคนที่ช่วยเหลือ สนับสนุนผู้ลี้ภัยในหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะหาที่อยู่ เสื้อผ้า อาหาร ประสานงาน เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ด้านวัฒนธรรม การปรับตัว ฯลฯ 6. ช่างก่อสร้าง (Craftsman) เป็นคนที่คอยช่วยสร้างที่พัก สิ่งปลูกสร้างที่จำเป็น บางครั้งก็สร้างเพียงที่พักชั่วคราวสำหรับผู้ลี้ภัย เคยได้ยินเรื่องราวของผู้ลี้ภัยบ้างไหม?
หากคุณเป็นผู้ใหญ่ คุณอาจได้สะสมความรู้เชิงปฏิบัติและประสบการณ์ทางโลกมานานหลายสิบปีซึ่งเยาวชนจำนวนมากจะได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้ โครงการให้คำปรึกษามีขึ้นเพื่อจุดประสงค์นี้และอนุญาตให้ผู้ใหญ่ส่งต่อความรู้ส่วนตัวหรืออาชีพให้กับเยาวชนที่กำลังดิ้นรนกับชีวิตของพวกเขา เช่น คุณสามารถให้คำปรึกษาเยาวในชุมชนผ่านโครงการ Big Brothers หรือ Big Sisters วัดหรือกลุ่มทางสังคมหลายที่ (เช่น ลูกเสือ) ยังสนับสนุนโครงการให้คำปรึกษานี้ด้วย 4 เป็นอาสาสมัครในองค์กรชุมชนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นในสังคม. การเป็นอาสาสมัครเป็นวิธีที่ดีในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับชุมชนของคุณและช่วยเหลือผู้คนที่ด้อยโอกาส การเป็นอาสาสมัครจะใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในแต่ละสัปดาห์และสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในชีวิตของผู้คนในสังคมรอบตัวคุณ [1] คุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้โดยขึ้นอยู่กับความสนใจส่วนตัว: อาสาสมัครที่ศูนย์พักพิงคนไร้บ้านหรือธนาคารอาหารในพื้นที่ ช่วยสภากาชาดหรือกองทัพบก สร้างบ้านในชุมชนของคุณกับมูลนิธิ Habitat for Humanity อาสาสมัครที่โรงพยาบาลหรือบ้านพักรับรองในพื้นที่ 5 บริจาคเลือดหากคุณต้องการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือป่วย. ผู้ที่ป่วยหรือได้รับบาดเจ็บมักต้องการการถ่ายเลือดและคุณสามารถช่วยพวกเขาได้โดยบริจาคเลือดของคุณเอง โรงพยาบาลในพื้นที่หลายแห่งจะทำการเจาะเลือดทุกๆ ครึ่งปีและธนาคารเลือดในพื้นที่มักมองหาคนใหม่ๆ เพื่อลงทะเบียนและบริจาคโลหิต [2] หาสถานที่ที่คุณสามารถบริจาคได้โดยหาทางออนไลน์ พิมพ์ข้อความ เช่น "วันนี้ฉันสามารถบริจาคเลือดใกล้บ้านได้อย่างไร" วิธีการ 2 ของ 4: การมีส่วนร่วมในสังคมพลเมืองของคุณ ลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติเพื่อสร้างอิทธิพลต่อสังคมให้ดีขึ้น.
ส. เป็นส. ว. เป็นรัฐมนตรี หรือแม้แต่ผู้นำประเทศ ฯลฯ (มีตัวตนจริงๆทั้งนั้น) แต่คนอาชีพอื่นมาเป็นแพทย์ไม่ได้ - ถ้าเป็นผู้หญิงแต่งงานแล้วก็ไม่ต้องใช้ ' นาง ' นำหน้า ใช้ ' แพทย์หญิง ' แทน ข้อเสีย - เรียนนาน - งานหนัก ( เป็นส่วนใหญ่) - รักคุด (ไม่ค่อยมีเวลา, ถูกแฟนทิ้งกันบ่อยๆ) - สุดเลอะ ( เสี่ยงต่อการสัมผัสเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ เสมหะ และ ' อ้วก ' ของผู้ป่วย)
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะแพทยศาสตร์ 2. ขยันสนใจในการศึกษาหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี 3. มีสุขภาพสมบูรณ์ ทั้งร่างกายและจิตใจไม่พิการหรือทุพพลภาพ ปราศจากโรค (อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา) 4. สามารถอุทิศตนยอมเสียสละเวลาและความสุขส่วนตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อนจากการเจ็บป่วย มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่รังเกียจผู้เจ็บป่วย มีความเมตตา และมีความรักในเพื่อนมนุษย์ มีความเสียสละที่จะเดินทางไปรักษาพยาบาล ผู้คนในชุมชนทั่วประเทศ 5. มีมารยาทดี สามารถเข้ากับบุคคลอื่นได้ ทุกระดับ มีความอดทน อดกลั้น และมีความกล้าหาญ 6. มีความซื่อสัตย์ในวิชาชีพของตน มีคุณธรรมและ จริยธรรมทางการแพทย์ไม่ใช้ความรู้ทางวิชาการ ของตนไปหลอกลวงหรือทำลายผู้อื่นๆ ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังนี้: ผู้สำเร็จหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือประกาศนียบัตรอื่นที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบเท่าและสามารถสอบผ่านวิชาต่างๆ ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา คือวิสามัญ 1 คณิตศาสตร์ กข. เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา ภาษาอังกฤษ กข.